คีเลชั่นบำบัด
สารโลหะหนักสามารถก่อให้เกิดผลเสียมากมายต่อสุขภาพของมนุษย์ เช่น ตะกั่ว ปรอท และสารหนูซึ่งเป็นสารที่ร่างกายไม่จำเป็นต่อร่างกาย หากสะสมในร่างกายในปริมาณที่มากจะทำให้เกิดพิษ นอกจากนี้ยังมีสารโลหะหนักชนิดอื่นที่จำเป็นต่อการทำงานของร่างกายแต่อาจเป็นพิษได้หากสะสมในปริมาณมาก ได้แก่ เหล็กและทองแดง ในสิ่งแวดล้อมร่างกายอาจได้รับโลหะที่เป็นพิษผ่านหลายช่องทาง เช่น ทางเดินหายใจโดยการสูดดมมลพิษทางอากาศ หรือทางปากโดยการกินอาหารและน้ำที่ปนเปื้อน การสัมผัสกับสารพิษและการทำงาน มีส่วนทำให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพ การทำคีเลชั่นบำบัดเป็นขั้นตอนเดียวที่สามารถกำจัดโลหะที่เป็นพิษออกจากอวัยวะและเนื้อเยื่อของมนุษย์ โดยมีเป้าหมายเพื่อลดปริมาณสารโลหะหนักที่ทำให้เกิดพิษทั้งเฉียบพลันและเรื้อรัง ผู้ที่มีโลหะหนักอยู่ในร่างกายปริมาณมากจะได้รับการรักษาด้วยยาที่เรียกว่า "คีเลเตอร์" ซึ่งจับกับโลหะในกระแสเลือดและขับออกทางปัสสาวะ
ประโยชน์ของคีเลชั่นบำบัด
- ลดระดับโลหะหนัก: การบำบัดด้วยคีเลชั่นจะกำจัดโลหะหนักออกจากกระแสเลือด ซึ่งลดการเป็นพิษของโลหะหนักหรือโรคที่เกี่ยวข้อง เช่น โรคไตเรื้อรัง โรควิลสัน และฮีโมโครมาโตซิส
- ต้านอนุมูลอิสระ: คีเลชั่นบำบัดสามารถทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระและลดการอักเสบในร่างกายรวมถึงข้อต่อ
- การล้างพิษ: วารสาร International Journal of Molecular Sciences พบว่าการบำบัดด้วยคีเลชั่นเป็นการรักษาอาการพิษต่อระบบประสาทที่มีประสิทธิภาพเนื่องจากสารโลหะหนักในร่างกายทำให้เกิดพิษต่อระบบประสาท แต่การใช้บุหรี่หรือสารเสพติดก็ทำให้เกิดพิษต่อระบบประสาทเช่นกัน
- จากการศึกษาการใช้คีเลชั่นบำบัดมีข้อสรุปว่า: ช่วยซ่อมแซมหลอดเลือดแดง (โรคหลอดเลือดแข็งตัว) โดยการกำจัดแคลเซียมและไขมันเกาะในหลอดเลือด อาจมีการศึกษาไม่มากนักเกี่ยวกับประสิทธิภาพของการรักษานี้
- การรักษากลุ่มอาการปวดขาเป็นพัก ๆ (ปวดขาเนื่องจากภาวะหลอดเลือดแดงตีบ) อาจมีการศึกษาไม่มากนักเกี่ยวกับประสิทธิภาพของการรักษานี้
- การรักษาหรือทำให้อาการของโรคออทิสติกดีขึ้น การศึกษามีไม่มากนักว่าโลหะหนักเป็นสาเหตุของโรคออทิสติก
- การป้องกันหรือรักษาความเสื่อมของระบบประสาท เช่น โรคอัลไซเมอร์ การศึกษามีไม่มากนักว่าคีเลเตอร์ที่มีอยู่ในปัจจุบันมีผลต่อโรคเหล่านี้
ผลข้างเคียงจากการทำคีเลชั่นบำบัดจะแตกต่างกันไปตามปริมาณที่ใช้ในการรักษาและความรุนแรงของภาวะสุขภาพของผู้ป่วย ผลข้างเคียงจากการรักษาอาจพบไม่มากนัก มีดังนี้:
- คลื่นไส้อาเจียน
- ปวดหัวหรือไมเกรน
- มีไข้
- ท้องเสีย
- ผื่นที่ผิวหนัง
- อาการคล้ายไข้หวัด